King Amir Timur biography ประวัติ กษัตริย์อมีร์ทีมูร์(เตมืร์) wiki

No real photo, stop using drawings.

Amir Timur height is 173 cm. (approx.)

Amir Timur birthname is Muhammad Shuja Uddin Timur (تیمور‎ , Temür)

Amir Timur birthday is circa 1336

Amir Timur was born in Uzbekistan

Amir Timur ethnicity is Uzbek and Mongol.

Amir Timur was a Turkic conqueror who and a king who rules Timurid Dynasty and conquered many parts of Central Asia, Russia, Mediterranea, and India. His ideology is only for his cultural expansion and he's believed to be radical, as many people stated that his battle tactic is barbaric above imperialism. Although he's a muslim, he didn't seem to ignite war for the religion, because he only thought for his own culture which is different to a true religion. However, Timur's territory was immense.

กษัตริย์อมีร์ทีมูร์ (Amir Timur) หรือที่สะกดได้อีกแบบคือ Tamerlane เกิดเมื่แ ค.ศ. 1336 เกิดในในประเทศอุซเบกิสถาน มีลักษณะที่เป็นนักรบผู้พิชิตแบบดุดัน จนหลายๆคนเปรียบเทียบกับเจงกิสข่าน แต่เจงกิสข่านมีความป่าเถื่อนมากกว่า เพราะกษัตริอมีร์ทีมูร์มีศาสนา นับถืออิสลามซึ่งสนับสนุนความยุติธรรม นิกายที่แท้จริงคือนิกายซุนนี ที่ถูกต้องตามหลักสากล อย่างไรก็ตาม กษัตริย์อมีร์ทีมูร์ได้พิชิตชัยชนะโดยการสู้รบฝ่าฟันจากอินเดียและรัสเซียไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อความสำหรับความสำเร็จทางวัฒนธรรมของราชวงศ์ของตนเอง โดยบางครั้งอาจจะไม่ได้คำนึงถึงศาสนา เพราะศาสนาที่แท้จริงอิสลามนั้นไม่อนุญาติให้บุกรุกผู้อื่นโดยใช้ความรุนแรง แต่หลายคนเชื่อว่ากษัตริย์อมีร์ทีมูร์มีอุปนิสัยที่ดุดันมากๆ
กษัตริย์อมีร์ทีมูร์คือผู้พิชิตเชื้อสายเอเชียกลางค่ะ หลักๆคือในตัวมีสายเลือดอุซเบกและมองโกล หลายๆคนเชื่อว่าเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมอำมะหิต ไม่ใช่การประนีประนอมแม้แต่น้อย คือรบชนะแบบใช้กำลังเข้าใส่อย่างเดียว และไม่คำนึงถึงคำสอนของศาสนาทั้งๆที่เป็นมุสลิม แต่กษัตริย์อมีร์ทีมูร์กลับทำเพื่อผลประโยชน์ทางด้านวัฒนธรรมเอเชียกลางอย่างเดียว ที่ไม่เกี่ยวโยงกับความดีทางศาสนาเท่าไร อย่างไรก็ดี กษัตริย์อมีร์ทีมูร์คือมุสลิมที่กราบไหว้พระเจ้า ยอมแพ้ต่อพระเจ้าถึงแม้จะเอาชนะมนุษย์ทั่วหน้า ก็ยังดีนะคะ แต่หลักฐานอาจจะไม่เพียงพอกับการที่ผู้คนกล่าวหาว่ากษัตริย์อมีร์ทีมูร์ป่าเถื่อน เพราะในราชอดีตกาลผู้คนก็ต้องสู้รบเพื่อการอยู่ยอดกันทั้งนั้น ซึ่งไม่เหมือนอารยธรรมในยุคที่ไม่มีการล่าอาณานิคมแล้ว ก็ต้องพิจารณาให้ดีค่ะ กษัตริย์อมีร์ทีมูร์คือเจ้าแห่งอัศวิน Nomad ที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ รบปราบศัตรูไปทั่วรัสเซีย อินเดีย และเมดิเตอร์เรเนีย มีการเกษตรที่ด้วยค่ะ เป็นที่รักของชาวไร่สวนในถิ่นบ้านเกิดในอุซเบกิสถาน เชื้อสายกษัตริย์อมีร์ทีมูร์คืออุซเบกและมองโกลหลักๆ คือสายเติร์กแท้ๆ และมีความเกี่ยวข้องกับเจงกิสข่าน สมัยเด็กๆกษัตริย์อมีร์ทีมูร์เติบโตใน Chagatai
กษัตริย์อมีร์ทีมูร์เริ่มภารกิจจากกองกำลังทหารเล็กๆค่ะ ค่อยๆขยายมากขึ้นเรื่อยๆจนในปี ค.ศ. 1360 ได้แผ่ไปทั่ว Transoxania (ในปัจจุบันคือแถบอุซเบกิสถานตะวันออก ทาจิกิสสถาน คาซัคสถานใต้ และคีร์กิซสถานใต้) ก็คือเอเชียกลางทั้งนั้นค่ะ ต่อมาในปี ค.ศ. 1370 เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ เป็นมหาราชาสาย Chagatai ที่มีเชื้อสาย Khan เพราะมีสายเลือดชาติพันธุ์ร่วมกับเจงกิสข่าน
กษัตริย์อมีร์ทีมูร์ยังมีหน้าที่ในการฟื้นฟูจักรวรรดิมองโกลอีกด้วยนะคะ และได้ส่งทหารไปประจำการในมองโกเลีย และเมดิเตอร์เรเนีย เพื่อความมั่นคงต่างๆ กษัตริย์อมีร์ทีมูร์เก่งมากเรื่องกลยุทธในการเดินทางออกรบแบบ Nomad คือไปเรื่อยๆพร้อมกำหนดสะเบียง แหล่งทรัพยากรต่างๆตามแผนที่ระหว่างเส้นทางการรบได้อย่างลงตัว และโดดเด่นโดยการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คู่ต่อสู้ล้มพ่ายพินาศราบเป็นหน้ากลองไปแทบทุกรายค่ะ กษัตริย์อมีร์ทีมูร์มีความคล่องตัว คล่องแคล่ว และเคลื่อนที่ได้หลากหลายรูปแบบ ปรับตัวได้ดีกับภูมิประเทศและภูมิอากาศต่างๆได้ดีเพราะพันธุ์เชื้อดีที่ได้จากยีนส์อุซเบก ที้มีความคอเคซอยด์และมองโกลอยด์อย่างเท่าๆกัน แต่มีคนอ้างว่ากษัตริย์อมีร์ทีมูร์ไม่มีความปราณีต่อคู่รบแม้แต่นิดเดียว แถมยังถูกอ้างว่าชอบสังหารหมู่ ซึ้งไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหนนะคะ แต่ที่แน่ๆคือกษัตริย์อมีร์ทีมูร์ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเขต Kashgar (ในประเทศจีนปัจจุบัน) แต่ Kashgar จริงๆแล้วคือผืนแผ่นดินของชาวเชื้อสายอุยกูร์เติร์กค่ะ คือเป็นเชื้อสายที่ใกล้เคียงกับอุซเบกมากๆ ทุกวันนี้เหตุการณ์ก็แสดงให้เห็นว่าการล่มสลายของจักรวรรดิทีมูร์และมองโกลมีผลทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในสังคม คือชนกลุ่มน้อยกลับโดนกดขี่ในบางประเทศ ทั้งๆที่ในอดีตกาลบรรพบุรุษของชนกลุ่มน้อยในบางที่คือราชวงศ์เชื้อเจ้าจากประเทศใหญ่ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ? ก็พระเจ้ากำหนดมาให้คนไตร่ตรองครุ่นคิดว่า ความไม่ยุติธรรมมันก็เกิดจากนิสัยและการกระทำของมนุษย์ส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกวุ่นวาย ดังนั้นคนเราทุกคนต้องใคร่ครวญสำนึกให้ดีๆ ว่าโลกนี้มันก็แค่ชั้วคราว สุดท้ายถ้าทุกอย่างล่มสลาย ธรรมชาติพังพินาศ แผ่นดินไหวน้ำท่วม ถ้าภัยพิบัติครั้งใหญ่มาถึง วันสิ้นโลกที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายคนเราต้องกลับคืนสู่พระเจ้า หลุดพ้นโลกมายา ตราชั่งบาปบุญที่รออยู่ยุติธรรมที่สุดอยู่ในการตัดสินของพระเจ้านะคะ