We've heard about the holy sentence that was famous through the revelation of the Prophet,
"ashhadu an la ilaha illallah wa ashhadu anna muhammadan rasulullah". This is the ethos of being truly monotheistic. This is the essence of being true Muslim. It's more than postulation. แก่นแท้ของศาสนาอิสลาม คือการปฏิญานตนสาบานต่อพระเจ้า(อัลลอฮฺ) พระเจ้ามีแค่พระองค์เดียว
การซูยูด(sujud) เป็นท่าทางอิริยาบทที่แสดงถึงความยอมจำนนศรัทธาและภัคดีต่อพระเจ้า
Humans are mammals. Humans are also animals. We are all the vertebrates of God. God has predestined us all. And we have freewill within the limitation that we are just humanoid.
คนเราต้องกล่าว ที่สำคัญสุดคือประโยคแรก อัชฮะดุ อันลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ เพื่อพิสูจน์และสารภาพถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า ซึ่งเฉพาะเจาะจงและคู่ควรยิ่งแก่การเคารพภักดี สำหรับองค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และต่อด้วยประโยคที่สอง อัชฮะดุ อันนะ มุฮัมมะดัน เราะซูลลุลอฮฺ เพื่อพิสูจน์และปฏิญาณว่า ท่านนบีมุฮัมมัดคือ ศาสนทูตแห่งอิสลาม
นั่นคือรากฐานที่สำคัญที่สุด ของการอยู่ในศาสนาที่แท้จริง คือศาสนาอิสลาม ศาสนาที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีที่ติ เพราะพระเจ้ากำหนดมาให้หลังสุดเพื่อสัจธรรมที่แท้จริงที่ถูกต้องยิ่งกว่าคัมภีร์อื่นๆที่ไม่สมบูรณ์
ที่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์คือ พระเจ้าไม่ประสูติและไม่ถูกประสูติค่ะ ส่วนพุทธเจ้าคือมนุษย์ที่ถูกคลอดออกมาจากท้องมารดา เข้าใจยังคะว่าเราไม่ควรใช้ศัพท์คำว่า"พระ"ยกเว้นพระเจ้าองค์เดียวค่ะ จริงอยู่ว่าเป็นแค่คำศัพท์ที่แปรฝันได้ในแต่ละภาษา ในภาษาไทยมีศัพท์ที่แปลตรงตัวแตกต่างกับภาษาสากลโลกอย่างสิ้นเชิง เช่นคำว่า พระเจ้า ภาษาอังกฤษคือ God แต่คำว่าพุทธเจ้าไม่ควรเอาคำว่าพระนำหน้าค่ะ เพราะภาษาอังกฤษคือ Buddha ส่วนรากศัพท์คำว่า"พระ"มีความหมายสื่อนัยแฝงถึงความศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรใช้คำว่าพระเรียกพวกนักบวชทางพุทธค่ะ แต่ภาษาวิบัติเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยในอดีตกาล คำว่าพระคล้ายๆกับความว่าพราหมณ์ แต่คำว่าพราหมณ์ไม่ได้ฟังแล้วดูศักดิ์สิทธิ์เกินมนุษย์ ลองเปรียบเทียบระหว่าง"พระ"กับ"พระเจ้า"สิคะ ทำไมนักบวชทางพุทธในภาษาไทยถึงได้ดูศักดิ์สิทธิ์? ก็เพราะภาษาวิบัติส่วนนึงค่ะ นอกจากตรรกะวิบัติแล้วยังมีการแต่งตั้งภาษาให้ฟังดูวิบัติมาอย่างช้านานทำให้ความเชื่อคนผิดเพี้ยน
จริงอยู่ที่ว่า "ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว" ชีวิตโชคชะตามนุษย์แต่ละคนถูกลิขิตมาโดยพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชะตากรรมจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้นะคะ เปลี่ยนได้แต่เราต้องขอต่อพระเจ้า การขอ"ดุอาอ์" คือการขอพรจากพระเจ้าโดยตรง ให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ถ้าหากพระเจ้าประสงค์ให้เกิดขึ้น เราก็ต้องขอบคุณพระเจ้าเสมอ ลองคิดดูสิคะว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้วให้เรามีทางเลือกเดิน เราสามารถเลือกเดินได้ในหนทางที่ถูกกำหนดมา ที่มีทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่เราเลือกกระทำ อยู่ที่จิตใจด้วย เพราะการที่เป็นมุสลิมที่ดี ต้องมีทั้งกายวาจาใจสามอย่างที่เราต้องสวามิภักดิ์ยอมจำนนต่อพระเจ้า จงรักภักดีโดยการใช้ความคิดจิตใจที่ยึดมั่นศรัทธารักให้ความสำคัญกับพระเจ้าเป็นอันดับแรกและหมั่นใช้วาจากล่าวคำพูดนอบน้อมคารวะสาบานว่าไม่มีใครที่ศักดิ์สิทธิ์นอกจากพระเจ้า คือเตาฮีด"Tawhid"หนึ่งในแก่นแท้ของศาสนาค่ะหมายถึงมีแค่พระเจ้า(ภาษาอาหรับอ่านว่าอัลลอฮฺ)เท่านั้นที่เป็นผู้อภิบาลสร้างมนุษย์โลกและจักรวาลทุกสรรพสิ่งทั้งปวง และใช้ร่างกายละหมาดกราบไหว้แค่พระเจ้าเท่านั้น และช่วยกันหยุดสร้างพวกรูปปั้นเจว็ดต่างๆ ถ้ากำจัดทิ้งได้ก็ยิ่งดีค่ะ
รู้มั้ยคะว่าจริงๆคนเราทุกคนเกิดมาเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว คำถามคือใครจำตอนตัวเองเป็นทารกหรืออยู่ในครรภ์ได้บ้างเอ่ย? คงไม่มีใครจำได้ค่ะ เพราะพระเจ้ากำหนดมาเสมือนแบบทดสอบให้มนุษย์มีความสงสัย หน้าที่ของมนุษย์คือหาสัจธรรมให้เจอและตอบแทนพระเจ้าโดยการกราบไหว้พระเจ้าองค์เดียว(พระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา) พระองค์กำหนดให้ชีวิตทุกชีวิตมีบุญแรกเกิดเท่าเทียมกันหมดค่ะ แต่การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมมีผลกระทบทำให้ชีวิตประสบกับการหลงละเมอกับสิ่งมายา ละครเสแสร้งไร้ค่าต่างๆ ความวุ่นวายในสังคมสมัยใหม่เกิดจากกิเลสและราคะจริต ปัญหาบ้านเมืองมีให้เห็นมากมายเนื่องจากความไม่รู้จักคำว่าพอ ประเทศเล็กๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศาสนาที่แท้จริงเข้าถึงไม่หมด เราต้องดูตัวอย่างประเทศใหญ่ๆค่ะ ส่วนใหญ่เชื่อในพระเจ้า และอิสลามคือศาสนาแนวทางนำชีวิตที่มีคนนับถือมากที่สุดเฉลี่ยนับจากประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันศาสนาถูกบิดเบือนและหลายๆคนไม่เข้าใจศาสนาที่แท้จริง กลายเป็นว่าคริสเตียนมีคนนับถือนำอิสลามในปีล่าสุด แต่อิสลามมากสุดถ้านับทุกช่วงเวลาตั้งแต่อดีต มนุษย์เกิดการชิงดีชิงเด่นและมีทิฐิอีโก้เกินไปจนทำให้มั่นใจในตัวเองเชื่อตัวเองมากกว่าคัมภีร์จากพระเจ้า ซะงั้นค่ะ อย่างไรก็ตาม คนเราเกิดมาชาติเดียวและโลกหน้าคือตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด
นักปราชญ์ศาสนาเห็นพร้อมตรงกันว่า เนื้อหาแบบคร่าวๆส่วนนึงในคัมภีร์จากพระเจ้า มีใจความคือ โลกหน้าสำหรับผู้ศรัทธา (ผู้ที่เชื่อและกราบไหว้ในพระเจ้าองค์เดียวไม่บูชาสิ่งอื่นใด) จะได้สวรรค์เป็นรางวัล ต่างกับชาวนรกแน่นอน นรกสำหรับผู้ที่ทะนงตัวปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า
พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุดอยู่เหนือชั้นฟ้า อยู่เหนือทุกจินตภาพทั้งหลายทั้งปวง มนุษย์มีข้อจำกัดเกินกว่าที่จะนึกภาพลักษณะของพระเจ้าได้ พระเจ้ามองเห็นเราทุกคน แต่เราทุกคนไม่สามารถมองเห็นพระเจ้าได้ในโลกนี้
คนเรามีสิทธิ์ "จินตนาการ" ได้ แต่ไม่ไม่สิทธิ์ก้ายก่าย "มองทะลุอนาคตที่พระเจ้ากำหนดไว้"
"ตาทิพย์"หรือการมองเห็นอนาคตแจ่มแจ้งแน่ชัดและกำหนดฟันธงอนาคตได้ คือหนึ่งในคุณลักษณะของพระเจ้านะคะ ไม่ใช่มนุษย์ ฉะนั้นคนเราต้องช่วยๆเตือนสติกัน บอกต่อๆกันค่ะ ว่าอย่าก้าวก่ายกฎธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างไว้ อย่าตั้งตนให้มีความสามารถเหนือมนุษย์ ไม่งั้นจะบาปหนักแน่ๆในคัมภีร์ก็บอกอยู่
ส่วนการตีความเรื่องความฝัน ไม่บาปค่ะ เพราะไม่ใช่การฟันธงทำนาย แต่เป็นแค่การตีความที่มีหลักฐานรองรับทางศาสนา คล้ายๆกับการคาดเดาพยากรณ์อากาศ มีทั้งเดาผิดและถูกค่ะ ไม่ใช่การมองเห็นอนาคต แต่คือการตีความสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วในขณะหลับ มีทั้งฝันดีและฝันร้ายที่สามารถสะท้อนถึงเรื่องราวชีวิตในอดีตและปัจจุบัน แต่ต้องอาศัยการที่ความโดยนักปราชญ์อิสลามที่น่าเชื่อถือ
พยากรณ์อากาศไม่บาปค่ะเพราะเชิงวิทยาศาสตร์ เป็นการคาดเดาแบบมีหลักฐานเชิงตรรกศาสตร์ด้วย คือการพยากรณ์ไม่สามารถฟันธงได้ชัวร์100% คนละอย่างกับการฟันธงทำนายดูดวงที่บาปค่ะ การดูดวงมันคือการฟันธงอนาคตที่ไม่ใช่แค่คาดเดา แต่มันทำตัวเหนือธรรมชาติมนุษย์ มิหนำซ้ำยังขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง คนที่เจริญแล้วเค้าถึงต่อต้านพวกหมอดูค่ะ พวกหมอดูหากินจากการงานด้านมืดบาปมากๆ และพวกมันบูชาซาตานโดยไม่รู้ตัวว่าพระเจ้าให้มันถูกครอบงำ
อย่าไปหลงเชื่อในเวทมนตร์นะคะ ซาตานมันไม่ได้มีอำนาจเหนือเราค่ะ เราต้องเชื่อพระเจ้าและต้องหมั่นศรัทธารำลึกถึงพระเจ้ามากๆ พระเจ้าอยู่เหนือชั้นฟ้าและจักรวาล มีแค่พระเจ้าที่มีพระพลังอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่งค่ะ เราต้องศรัทธาในพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้นแล้วพระองค์จะช่วยให้เรารอดพ้นฝ่าอุปสรรคในโลกนี้และโลกหน้า อย่าทิ้งศรัทธาค่ะ อย่าทิ้งอุดมคติศาสนา ไม่งั้นประตูสู่สวรรค์จะไม่ถูกเปิดสำหรับผู้ไม่ศรัทธา
มนุษย์สามารถคาดเดาถึงอนาคตและจินตนาการได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้ ความหมายแตกต่างกันนะคะ พวกหมอผีดูดวงบาปหนักๆเพราะล้ำเส้นไปยุ่งเกี่ยวกับอนาคตที่พระเจ้ากำหนดไว้ มนุษย์ทุกคนมีน่าที่ทำทุกวันให้ดีที่สุดศรัทธากราบไหว้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็คือพระเจ้าองค์เดียว อนาคตโชคชะตาที่พระเจ้ากำหนดไว้เปลี่ยนแปลงได้เสมอค่ะเราต้องขอพรจากพระเจ้าบ่อยๆ แรงศรัทธาย่อมชนะมารร้ายทุกตัวค่ะ อย่าลืมนะคะว่าพยากรณ์อากาศคือการคาดเดา คาดคะเนอย่างมีการศึกษา วิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่บาปค่ะ แต่พวกหัวหมอผีดูดวงบาปแน่นอน คอนเฟิร์มโดยนักวิชาการอันดับต้นๆของโลกค่ะ
มนุษย์ทุกคนต้องยอมรับและเข้าใจธรรมชาติประเด็นเพศไม่เท่าเทียมกัน เช่นผู้ชายสามารถเปลือยท่อนบนในสระว่ายน้ำสาธารณะ แต่ผู้หญิงเราเปลือยท่อนบนไม่ได้เพราะอนาจาร กฎหมายรัฐที่บังคับใช้เริ่มแรกก็มาจากสัญชาตญานและสามัญสำนึกค่ะ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร การตัดสินผิดถูกทุกแง่มุมชีวิตก็เกิดมาจากส่งสารต่อความรู้ความเข้าใจศีลธรรมคัมภีร์ของพระเจ้า
แต่ในภาพรวม มนุษย์เท่าเทียมกันตรงที่เกิดมาเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ไร้บาป และเริ่มจากศูนย์ ความดีและความชั่วก็จะไม่เท่าเทียมกันในภายหลัง ส่วนความสามารถและเชาว์ความฉลาดของสมองก็ไม่เท่าเทียมกัน เห็นมั้ยคะว่าจะบอกว่ามนุษย์เท่าเทียมกันทุกอย่างไม่ได้ค่ะ สรีระร่างกายก็ไม่เหมือนกัน บางคนภูมิต้านทานดี บางคนมีโรคประจำตัว แต่รู้อะไรมั้ยคะ ว่า คนที่ป่วยบ่อยๆหรือพิการแต่กำเนิดนั้นมีแนวโน้มได้ขึ้นสวรรค์มากกว่าคนปกติค่ะเพราะพระเจ้ากำหนดมาให้เกิดมาทุกข์ทรมานแล้วเหมือนกับได้ล้างบาปไปในตัว ยิ่งถ้าเป็นคนที่เกิดมาพิการทุเลาหนักๆแบบตาบอดหูนวกเป็นใบ้เดินไม่ได้หรือสติล่าช้าพูดไม่รู้เรื่องหนักๆแบบนี้คือชาวสวรรค์ค่ะ ในทางกลับกันย่อมตรงข้ามกับคนที่ปั่นป่วนสังคมบ้านเมืองพินาศเพราะคนที่เกิดมาปกติบางคนดันทำชั่วทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนเบียดเบียนชาวบ้าน ยังไงพระเจ้าก็คิดบัญชีดำกับคนที่ทำผิดที่เป็นชาวนรกไปโดยปริยาย สรุปง่ายๆนะคะคนที่เกิดมาพิการทางสมองหรืออื่นๆก็ยังดีกว่าคนที่เกิดมามีสติปัญญาเต็มแต่ประพฤติผิดศีลธรรมค่ะ
ทางที่ถูกคือ ทุกคนต้องทำจิตใจให้สะอาดไร้การตั้งภาคีต่อพระองค์ แล้วกล่าวคำว่า "astaghfirullah"บ่อยๆ คือรากฐานการกลับตัวกลับใจสู่พระเจ้าผู้อภิบาลแห่งโลกและชั้นฟ้าจักรวาลอวกาศ
Earth orbits the sun and rotates on its axis without collision. It also spins while it's locomoting in an elliptical circle way around the sun with no collateral damage. Thank God, they have not collided with each other yet. Totally different to a humanoid action like transportation by boats, ships and vessels that can be fatally accidental on some occasions because of humanoid defects. Likewise, many humans are governing manmade machines imperfectly. In contrast to the natural law of God which is absolutely perfect. Obviously, civil or any manmade laws are just imperfect.
......BREAKING......
ขั้นเรื่องความงามซักนิด ถ้าพูดกันตามสถิติและภาพลักษณ์ ผู้ชายตัวสูงไปก็ไม่ดีค่ะ ตัวใหญ่ๆยาวๆเกินไปก็ดูเหมือนตัวประหลาด และคนตัวสูงเกิน183ในทางสถิติมีวิทยาศาสตร์ศึกษาทดลองอวัยวะร่างกายประสิทธิภาพด้อยกว่าคนที่สูงแบบพอดีๆค่ะ ถ้าจะให้ดีที่สุดคือประมาณ170ค่ะบังเอิญเท่าๆกับคนที่มีอายุยืนยาวที่สุดในข้อมูลสมัยใหม่ทั้งเพศชายและหญิง ความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ170มีอวัยวะภายในที่ดีกว่าคนที่สูงเปรตๆนะคะ ชีววิทยาว่าแบบนั้น แต่เจ้าชายโอคสูง170กว่าๆแต่บางที่ลงว่า180ก็คลาดเคลื่อนได้ค่ะแต่ที่แน่ๆตัวจริงเจ้าโอคสูงแบบพอดีไม่ได้ดูสูงเปรตๆค่ะ สมส่วนเป๊ะสุดๆพันธุ์ฝรั่งผมดำค่ะ
ท่านเจ้าชายโอ๊ค เจ้าชายแห่งยูเรเซีย
Papathankhan/Princeoakislam Akhundmirza ท่านเจ้าชายโอค ในขณะที่กำลังสาธิตการกำกับเพลง
Евразийн царайлаг эзэн хаан
Sovereignly Handsome Prince Papathankhan
ท่านเจ้าชายโอ๊คราชาหล่อรวยเชื้อรัสเซียแท้ค่ะ
Beautiful fan standing with Prince Oak Oakleyski
...BREAKING...
พูดถึงเรื่องความงามต่อหน่อยนะคะ ค่านิยมธรรมชาติมนุษย์เราย่อมอยากตัวสูง หรือมีใครอยากเตี้ยบ้างคะ? แต่สูงไปก็ไม่ดีค่ะ ผู้ชายบางคนสูงเกิน180แล้วดูไม่หล่อเท่าเจ้าชายโอคอยู่ดีค่ะ เพราะเจ้าชายความสูงพอดีๆ และที่สำคัญที่สุดคือเครื่องหน้า ตาลึกคมดั้งโด่ง โครงหน้าคมสวยไม่บานไม่กลม หน้าไม่สั้นเกินไม่ยาวเกิน ตาไม่ห่างและไม่ชิดเกิน ขนาดตาไม่เล็กและไม่โปนโตเกิน ทุกอย่างสมดุลสุดๆค่ะ คือเครื่องหน้าธรรมชาติโหงวเฮ้งราชวงศ์จะคล้ายๆกันที่พระเจ้ากำหนดมาให้เจ้าชายโอคหล่อ เจ้าชายวิลเลี่ยม หน้าผากกว้างตาโตเหมือนกันค่ะ ดั้งโด่งแบบไม่ต้องศัลย์ ไม่มีเจ้าชายเจ้าหญิงคนไหนดั้งแหมบหรือตาตี่หรอกค่ะ เจ้าชายและเจ้าหญิงทุกคนไม่ศัลยกรรม เพราะศัลยกรรมปลอมและดูออก ของปลอมบิดเบือนธรรมชาติขัดขืนต่อสิ่งที่พระเจ้ากำหนดมา พวกแพทย์ศัลยกรรมนี่คงไม่รู้ตัวว่าบาป ปล่อยมันไปเถอะค่ะคนที่หากินจากอาชีพมลทิน ไม่สำนึกเลยว่าพวกมันดัดแปลงธรรมชาติที่พระเจ้ากำหนดมา พวกหมอผีดูดวงก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก พวกนี้บาปหนาแน่นอนค่ะตามหลักศาสนาแล้วถือว่าบาปใหญ่มาก พวกมันทำตัวล้วงอนาคตจากเบื้องบน ทำตัวว่ามองเห็นอนาคต แต่แท้จริงแล้วผู้ที่กำหนดและมองเห็นอนาคตได้มีแค่พระเจ้าเท่านั้น มนุษย์หมอผีได้แต่ลองของลองดีคิดว่ามันมีความสามารถแบบพระเจ้า แบบนั้นจะไม่บาปได้ไงละคะศาสนาก็บอกไว้ชัดเจน เข้าข่าย ชีริก บิดอะฮ์ (shirk & bid'ah) บาปใหญ่หลวง
แต่พระเจ้าให้พวกมันได้หลงละเมอกับสิ่งที่มันทำค่ะ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงลองของโลกมืดและไม่ควรก้าวก่ายสิ่งที่เหนือมนุษย์ ทำตัวเหมือนมีตาทิพย์ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สมควรทำแต่พวกมันถูกซาตานครอบงำโดยไม่รู้ตัว เพราะพระเจ้าให้สิทธิ์มันได้หลงผิดเพราะมันอยากลองของ กลายเป็นคนบาปที่กู่ไม่กลับและจมปรักกับการงานที่สกปรกที่มันคิดว่ามันสามารถมีพลังเหนือมนุษย์ ยิ่งกว่าด้านมืดของจิตใจคนก็คือพวกมันที่ตั้งตนท้าทายพระเจ้า แต่หารู้ไม่ว่าพระเจ้าได้บัญญัติไว้ให้เข้าใจในศาสนาแล้วว่าการกระทำแบบนั้นคือบาปขั้นตกนรกนะคะ
สามัญสำนึกคนเรารู้ว่าอันไหนควรอันไหนไม่ควร เช่นโลกมืดที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว แต่บางคนกลับลองของและตั้งตนเป็นหมอผีดูดวงเลอะเทอะ รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังกล้า ท้าทายให้คนมาลองทำนายอนาคตเหนือธรรมชาติมนุษย์ บิดเบือนและตั้งภาคีต่อพระเจ้า ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงอภัยโทษหรือเปล่านะคะแบบนี้ ยกเว้นถ้ายังเป็นเด็กที่ไม่รู้อิหน่งอิเหน่ หรือสติสัมปชัญญะบกพร่อง แบบนี้พระเจ้าเมตตาค่ะ เพราะบริสุทธิ์จริง
ฟะหร่งฝรั่งเค้าไม่มีนะคะแบบว่าความเชื่องมงาย หมอผี ถ้าเป็นในประเทศที่ใช้กฎเกณฑ์อิสลามอย่างเคร่งครัดเช่นในซาอุดิอาราเบีย พวกหมอผีเลวๆโดนจับประหารสถานเดียวค่ะ แต่ทางศาสนาอิสลามไม่ได้บอกว่าไสยศาสตร์ไม่มีจริงนะคะ มีค่ะ แต่แค่ห้ามมนุษย์ไปยุ่งเกี่ยว พวกผีมันไม่สามารถทำอะไรเราได้ค่ะ แค่เราเลื่อมใสเคารพและศรัทธาในพระเจ้า และอย่าหลงไปทางซาตานที่เป็นปีศาจประจำตัวเรา มนุษย์ทุกคนจะมีซาตานติดตัว มันจะคอยกระซิบให้เราออกนอกลู่ศาสนาโดยไม่รู้ตัว เราต้องสู้กับมันทางจิตใจ และไม่ตกเป็นเหยื่อมัน คนที่ตกเป็นเหยื่อมันคือพวกหมอผี หมอดูที่ตั้งตนล่วงรู้เหนือมนุษย์ พวกนั้นได้อิทธิพลจากซาตาน ซึ่งพระเจ้าอนุมัติให้มันได้พลังที่ซ่อนเร้นแรงแห่งความมืดที่ชั่วร้ายให้มันได้ร้ายอย่างที่หวัง แล้วสุดท้ายบาปกรรมที่พระเจ้ากำหนดไว้ก็จะตามมันทัน ในกรณีที่มันไม่กลับตัวกลับใจมันจะไม่ได้กลิ่นสวรรค์
ชาวเอเชียใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา ล้าหลังกว่าทวีปอื่นๆเพราะมีความผิดเพี้ยนเชื่อหมอดูโทรมทราม และยังบูชาเจว็ดกันอยู่เยอะค่ะ โดยเฉพาะหมอดูนี่ตัวดีเลย เหมือนเป็นผู้นำแห่งศาสนาปลอม หมอดูอาจจะบอกว่าไม่ได้หลบหลู่พระเจ้า แต่กลับตั้งตนทำเหมือนมีความสามารถเหนือมนุษย์ จะบอกว่าไม่รู้ตัวไม่ได้ค่ะ การที่มันตั้งตนเป็นผู้มองเห็นอนาคตมนุษย์คนอื่นๆ เป็นนัยยะชัดเจนว่ามันต้องการยืนหยัดกับการที่มีลักษณะเหนือมนุษย์ ผิดธรรมชาติและก้าวก่ายความสามารถที่พระเจ้ามี
ทีมงานสื่อสากลขออภัยถ้าพูดตรงๆแรงๆนิดหน่อยนะคะเพราะล่าสุดพูดแบบนิ่มๆแล้วบางคนไม่รู้สึกอินพอเลยไม่ฟังค่ะ 555 พักหลังๆกลายเป็นว่าต้องใช้วาทศิลป์แดกดันสถานเดียว พวกเรามีหน้าที่บอกต่อสัจธรรมค่ะ ไม่หวังผลกำไรทางการเงินหรือผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น หนังสือเกี่ยวกับศาสนาที่แท้จริง ห้ามตีราคาขายนะคะ ต้องแจกฟรีเท่านั้นค่ะ ทีมงานไม่ได้อ้างอิงตัวบทหลักฐานจากคัมภีร์โดยตรงนะคะ แต่ยืนยันว่าความรู้และความเข้าใจมากพอที่จะบอกได้ค่ะว่าอันไหนบาปหรือไม่บาป และสามารถไปตรวจสอบกับตัวบทหลักฐานในคัมภีร์กุรอานและหะดิษอีกทีได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดค่ะ มนุษย์ทุกคนไม่รอบรู้เท่าพระเจ้า
ทุกคนเกิดมามีความคิดที่พระเจ้าเป็นเหตุให้คิด ชีวิตทุกชีวิตติดหนี้พระเจ้า พระเจ้าเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด พระเจ้าสร้างทุกอย่างในโลกนี้และนอกโลกนี้ ปรากฏการณ์บิ๊กแบงก็เกิดมาจากพระเจ้า พลังสารเคมีต่างๆโมเลกุลสสารทุกอนูก็มาจากพระเจ้า ส่วนมนุษย์เราถูกสร้างหัวสมองมาให้คิดพินิจสัจธรรมอย่างธรรมชาติและคำนึงถึงพระเจ้าที่สร้างโลกและทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ ผู้ศรัทธาทุกคนควรตักเตือนซึ่งกันและกันนะคะ ใครไม่เข้าใจก็ต้องค้นคว้าเยอะๆค่ะ อย่ามีความอิจฉาริษยา ต้องปราศจากอัตตา ปล่อยว่างซะบ้าง คิดบวกและรักกันให้มากๆค่ะ ละทิ้งอีโก้ในตัว พวกเราถ่ายทอดความรู้ก็เพราะพวกเราเป็นห่วงทุกคนเช่นกัน ก็คนเหมือนกันนี่หน่า รักกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ขยันหมั่นเพียรทำความดีในหนทางศาสนาของพระเจ้า แล้วสวรรค์ที่พระเจ้าสัญญาไว้ในโลกหน้าเราจะได้รับเป็นรางวัลค่ะ มีไวน์มีทุกอย่างยิ่งกว่าบนโลกนี้ ความสุขที่แท้จริงแห่งสัจธรรมบั้นปลาย
การพิสูจน์อิสลามไม่ใช้การสันนิษฐานค่ะ ต้องใช้สามัญสำนึก ตรรกศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และลายลักษณ์อักษรที่ถูกบันทึกเล่าต่อกันมา ไม่ใช่การคาดเดาอย่างไม่มีมูล ขอพูดถึงเรื่องราวในอินเดียเนปาลบ้างละกัน คือว่าคือ พุทธเจ้า(Buddha)ก็คือเจ้าชายสิทธัตถะ คือมนุษย์ค่ะ ในศาสนาพุทธบอกว่าคือมนุษย์ที่เป็นศาสดา แต่ในอิสลามไม่ได้บอกค่ะ เพราะศาสดาที่แท้จริงคนสุดท้ายของโลกคือท่านนบีมูฮัมหมัด ศาสนาพุทธมีที่มาจากประเทศแถบชมพูทวีป เด่นๆในเนปาลและอินเดีย พุทธแท้ไม่มีการจุดธูปเทียบบูชาใดๆทั้งนั้น พุทธแท้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ค่ะ เป้าหมายหลักๆคือการปล่อยว่างให้หลุดพ้นทุกข์ ธรรมชาติค่ะ แต่มนุษย์ยุคหลังๆบิดเบือนให้หลักคำสอนศาสนาคลาดเคลื่อน จะเห็นได้ว่าอิสลามยังอยู่ยงคงกระพัน ถูกบิดเบือนได้น้อยมากๆ เพราะคือศาสนาที่แท้จริงของพระเจ้า วัลลอฮุอะลัม
ในชมพูทวีป เจ้าชายสิทธัตถะเกิดมาเป็นฮินดูนะคะ และค้นพบคำว่าศาสนาพุทธภายหลัง แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคริสเตียนและอิสลามค่ะ อิสลามมาหลังคริสต์ เพื่อมาแก้ไขและหักหลังความเชื่อที่ผิด โดยถูกส่งสาส์นผ่านท่านนบีมูฮัมหมัด อิสลามคือสาส์นที่ถูกต้องที่สุดจากพระเจ้า ทำให้คนทุกยุคเข้าใจอย่างง่ายๆค่ะ ขนาดวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถแก้ต่างได้เลย เพราะอิสลามสมบูรณ์สุด
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ พระเจ้าทรงให้คัมภีร์มายังโลกใบนี้เพื่อให้แสงสว่างสู่สัจธรรมนำหนทางชีวิตอันเที่ยงตรง ซึ่งพระองค์ก็ให้มีการเสริมสั่งสอนเพิ่มเติมว่าอย่าท้อแท้กับชีวิตค่ะ ดูตัวอย่างท่านนบีมูฮัมหมัดคือมนุษย์ที่เลิศเลอที่สุดยังมีความลำบาก ให้เป็นแรงบันดาลใจ อดทนให้มากๆ ความเครียดต่างๆเดี๋ยวก็ผ่านพ้น แค่ภาวนาขอพรจากพระเจ้า แล้วสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างนิพพานจริงๆ สรวงสวรรค์ที่รออยู่ในโลกหน้านั้นสำหรับผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวค่ะ
ในกฎธรรมชาติอิงหลักวิทยาศาสตร์ มีความรู้ที่สำคัญอยู่เรื่องนึง เกี่ยวกับเรื่องเหตุและผล คือเหตุต้องมีศักยภาพเท่ากับหรือมากกว่าผล ผลจึงเกิดขึ้นได้ เช่นไฟไหม้ป่าแบบธรรมชาติ เหตุคือจุดที่ความร้อนจัดและมีชนวนไฟคือแนวป่าไม้ ผลก็คือไฟที่ลุกท่วมป่าไม้ นึกภาพออกมั้ยคะว่าขนาดศักยภาพของเหตุและผลเท่ากัน ไฟไม่สามารถเผานอกป่าได้ เพราะชนวนเหตุคือเฉพาะบริเวณป่าไม้ เช่นเดียวกับเหตุที่ทำให้เราเกิดมาผ่านรังไข่และอุสจิของพ่อแม่ คือสืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆเราอาจจะไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำว่ารูปร่างหน้าตาเป็นไง แต่มนุษย์ทุกคนล้วนมีนบีอาดัมเป็นบรรพบุรุษต้นตอที่พระเจ้าสร้างให้ทุกชีวิตเกิดมา ในเมื่อมีชีวิต ก็ต้องมีเหตุของชีวิตค่ะ เหตุก็ต้องมีศักยภาพเท่ากับหรือมากกว่าชีวิต นี่คือการยกตัวอย่างให้เห็นแจ้ง ว่าเหตุของชีวิตก็มาจากผู้ที่มีชีวิต ถ้าพูดถึงศักยภาพของต้นเหตุที่ทำให้ทุกชีวิตและโลกและจักรวาลอวกาศหลุมดำต่างๆนาๆเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีผู้ที่มีศักยภาพทรงพลังทั้งมีชีวิตและมีพลังแรงโน้มถ่วงทุกอย่างได้ สรุปคือศักยภาพที่สามารถรวบรวมทุกสิ่งเหนือทุกสิ่งได้นั้นก็คือผู้ที่มีชีวิตเหนือมนุษย์และสามารถสร้างกฎธรรมชาติ นี่เป็นสัจธรรมพื้นฐานที่คนเราสามารถเข้าใจไม่ยากค่ะ ก็ที่เราเรียกพระองค์ว่าพระเจ้า(อัลลอฮ์)ก็คือผู้สร้างที่มีชีวิตเหนือมนุษย์ ความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเป็นเหตุที่ทำให้มนุษย์ซึ่งเป็นผลเกิดมาอยู่ในโลกใบนี้ ส่วนเอเลี่ยนอาจจะมีอยู่นอกโลกค่ะ โลกใบอื่นๆเช่นดาวดวงใหญ่ๆหรือที่อื่นที่นักบินอวกาศไปไม่ถึง
สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่เชื่อหรือเปล่า? ไม่นะคะ แตกต่างกัน บางอย่างมีอยู่จริงแต่ไม่ปรากฏให้เห็น บางอย่างมีหลักฐานเป็นความจริง แต่ไม่สามารถให้ดูได้ ลองวิเคราะห์ให้ดีๆ อุปมาอุปไมยอย่างมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล สัญญาณอินเตอร์เน็ตมีอยู่จริงแต่คนเรามองไม่เห็น ลมพัดพายุรุนแรงแต่ก็เห็นแค่ฝุ่นปลิวแต่ไม่เห็นตัวลม ความคิดร้ายในสมองคนชั่วต่อให้สแกนเอ็มอาร์ไอก็มองไม่เห็น ทำนองคลองเดียวกับซาตานประจำตัวที่คอยติดตามเราแต่เราก็ไม่สามารถมองเห็นมันค่ะ ยกเว้นคนที่สายตาอ่อนแอหรือคนที่พระเจ้าให้มีกรรมหลอกหลอน ยังไงก็แล้วแต่ ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่กลัวผี คือการหันมาศรัทธาและกราบไหว้พระเจ้าองค์เดียว สักการะพระเจ้า โดยปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ถูกต้องที่สุดคืออิสลามเท่านั้นนะคะ วัลลอฮุอะลัม
พูดถึงเรื่องอบายมุขกันบ้าง คือ ยาเสพติดและเครื่องดื่มมึนเมารวมถึงบุหรี่นั้นบาปทั้งนั้นค่ะ ถือว่าเป็นการทำร้ายตัวเองและผู้อื่นทางอ้อมและทางตรงด้วยซ้ำ อิสลามห้ามเด็ดขาดค่ะ แต่รู้มั้ยคะว่าบนสวรรค์มีไวน์! มีสิ่งบันเทิงทุกอย่างค่ะ รางวัลที่พระเจ้าจะตอบแทนให้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ชีวิตคนเราก็เหมือนบททดสอบ เราเกิดมาเพื่อตอบแทนพระเจ้า ถ้าเราหวังจะอยู่ในสรวงสวรรค์อนันตกาล ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียวนะคะ สำคัญสุด ไม่มีเทพเหลวไหลอื่นๆใดๆทั้งสิ้นค่ะ
ในบางครั้ง contextหรือบริบทของวาจานั้นสำคัญกว่าการกระทำ เช่นถ้ามุสลิมคนไหนสูบบุหรี่ทั้งๆที่รู้ว่าบาป แต่พูดยอมรับว่าบาปแต่ยังเลิกไม่ได้และพยายามเลิกและมีใจที่ศรัทธาในพระเจ้าจริงๆ ก็ยังถือว่าคนๆนั้นมีความเป็นมุสลิมอยู่เต็มเปี่ยม แต่อาจจะยังไม่ใช่'มุมิน' มุมินแปลว่ามุสลิมที่ประพฤติดีครบทุกด้านแล้ว ทั้งกาย วาจา ใจ อยู่ในศีลธรรมที่ถูกต้องตามหลักอิสลามอย่างสม่ำเสมอ
บนสวรรค์มีไวน์ที่ไม่เหมือนกับไวน์บนโลกนี้ พระเจ้าห้ามดื่มไวน์หรือสิ่งมึนเมาอื่นๆเพราะมีผลทำให้เกิดผลเสียมากมาย ทำให้เมาเสียสติ ก้าวร้าว ทะเลาะเบาะแว้ง และยังทำลายสุขภาพ ทางวิทยาศาสตร์วิจัยแล้วว่าแม้แต่ดื่มเดือนละครั้งก็ทำลายตับได้ และเป็นบททดสอบจากพระเจ้า แต่ถ้าในสวรรค์มีไวน์ที่ไม่เป็นผลเสียเพราะสวรรค์มีแต่สิ่งดีๆและไร้บาปแล้ว หลุดพ้นอย่างแท้จริงคือการได้ขึ้นสวรรค์และเสพสุขตลอดกาลนิรันดร์ แต่ยังไงก็ต้องผ่านบททดสอบชีวิตในโลกนี้ให้ได้ก่อนค่ะ ให้มีตราชั่งมีน้ำหนักค่อนไปทางบุญมากกว่าบาป เราชั่งเองไม่ได้ค่ะ พระเจ้าเท่านั้นที่จะตัดสินและพิพากษาตราชั่งบาปบุญที่มนุษย์ทุกคนได้ก่อไว้
กล่าวคำว่า อัลลอฮูอักบัร(Allahu'akbar) บ่อยๆเป็นการช่วยให้เราแสดงถึงความจงรักภัคดีต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงมีความเมตตาหากเราทำผิดพลาดไม่ว่าเหตุการณ์ใด แค่เราต้องศรัทธาด้วยจิตวิญญาณลึกซึ้งจากใจจริง การกล่าวประโยค "Allahu Akbar" ที่แปลว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ นั้นยังเป็นการเตือนสติสอดคล้องเชิงสัจธรรม มนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆเมื่อเทียบกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่สามารถสร้างมวลชีวิตสัตว์ประเสริฐ(มนุษย์)หรือสัตว์เดียรัจฉานและทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นเป็นมิติทางกายภาพได้ในชีวิตทุกชีวิตซึ่งถูกสร้างให้เกิดมาบนโลกโดยพระเจ้า
The law of nature can't create itself. The perfect solar system, gravity, the sun, the moon, and any other natural thing and life exist because of the greatest creator i.e. God a.k.a. the only Almighty Allah. While humans are creatures, many humans were given abilities to create non-living things, like any author can create a beautiful concoction based on verifiable facts. We are not able to 'touch' the truth nonetheless.
Before our lives exist, the root cause is from God. If there is a 'life', there must be a 'cause' of life. This is a basic truthfully scientific rule of causality. And the cause of life must hold an equal or greater 'potential' to clone or recreate life. Humans even failed cloning, as we've never been successful in technologically replicating a human, let alone creating. Humans can 'reproduce' a life by parents giving birth to babies. But only God can 'create' a life of human. The root cause of all human lives are actually from the infinitely greatest causal fons et origo. The oneness of God is the absolute greatest power in every world.
Humans are defective such as in the way that we cannot envisage how God looks like. Although we can dream up a magnitude of astronomical, boundless universe and outer space, we were limited to see how God has created them. We also couldn't see how God has created a life and molded Prophet Adam. But we have a natural rationale; a common sense to conceive that God possesses the root cause of all causes. God is the infinite life owner of every human and everything in all worlds. God is definitely far more magnificent than prophets, lords, emperors, kings, princes, sovereigns, sheikhs, or whoever. Because these afore-named identities are all humans, but God is the creator/owner of humans. We humans couldn't choose our birthplaces or birthdays. We humans couldn't choose our predisposed genetics or facial characteristics. Our ancestors couldn't revive themselves to be reborn again. It's all because humans were predetermined by God. All functional natural ecologies were perfectly preset.
There is a freedom for us to pick the right choice of living, espousing the true religion to live well and realize why we were born into the earth. We all humans were born because of God. One day our souls have to return to meet God. No deities, just the perfectly greatest oneness. God created humans. God also created Satan and ghosts that we can't see with our bare eyes because we live in different dimensionalities with them, notwithstanding some of us may feel the ghostly, eerie amplitude sometimes that might be scary to someone. There's a thin line between hallucinating and perceiving the real ghosts. Thank God, each human has an ability to control a Satan of one's self. Not all ghosts ("Jinn") are Satan ("Shaytan"). There are good and bad ghosts just like there are good and bad humans.
Many people have done huge sins without realizing, or realized but careless. Anyway, it's never too late to repent in this world, as long as the person heartily begs for a mercy from God and swear that he/she won't do it again.
A huge sin, for example, is when people worship something or someone that is not God. Unquestionably, the act of worshipping human or believing that some human is a deity is sinful. It's not only very sinful but also clearly absurd. Especially in south-eastern Asia, there are many insensibly blasphemous rituals like building a sculpture to think of it as God and pray to it. What's more miserable is that many people still can't actualize that it's sacrilegious to build any idolatrous deity.
One of the biggest sins is an obstinate disbelief in God when the truth has been elucidated. Unreasonable, mulish person is not good enough. So, to be a good human, we must be monotheistically faithful and stay humane accordingly. Monotheism is the most realistically reasonable religious standpoint of human.
There were no preceding lives before God, of course. God holds the infinity force; God was not born. God exists eternally. Humans were born, and our souls also exist till doomsday. Our physical shapes will transmute in the next world nevertheless. All in all, we humans are too flawed to use our anthropomorphic imaginations altogether to envision how God appears in physical form. Anyway, God doesn't need to appear in front of humans to convince humans to believe in God. Because life is like the biggest trial/exam for human, then heaven or hell awaiting in the next world. And God is too great for humans. We are just living things on ground, but God is beyond the sky and universe. God is beyond everything. It doesn't matter how we write a definition about God anyway. A common sense and instinct of good humans know that the greatness of God is greater than every life and above everything.
At zero degrees Celsius temperature, none of us can tolerate the freezing sensation. Without an apt cloth, it's probable freezing to death. That's just an example of how vulnerable human is. Humans are not invincible at all.
So why we must stick with monotheism and not polytheism? The answer is simple; God already possesses the greatest maximization of powers, so logically there are no multiple "Gods" or "gods", otherwise it would tacitly imply that "the only one God isn't maximally perfectly powerful therefore there needs to be many gods to succor God's incompleteness" which is untrue. It doesn't even make sense to say that God is incomplete. In truth, God is totally completely powerful. God can create Saturn, Pluto, Uranus, substances and energies out of nothing. Why would God need another god? It's absurdly impossible that there were many gods. The word 'god' entails maximization of powers within one. Why would God duplicate 'himself'? All things considered, God doesn't have other 'deity' because God is actually the infinitely greatest already. There is only one God. There are no deities, nor goddesses whatsoever as people in the past have been implicating too many muses or fable folklores.
Ultimately, no one lives forever in this world, so we must submit ourselves to God(Allah) before it's too late, in accordance with critical knowledge from the perfectly true religion(Islam), the hereafter immortality or veritable nirvana will exist only in heaven and hell. Last but not least, paradise is for believers who have faith in Allah, whereas hellfire is for disbelievers who don't have faith in Allah.
We don't need to be too dubious or cynical, life is simple if you know the truth of why we were born for. Survival instinct? Humans were given intellectual to find out the root cause of life. It's very elementary and uncomplicated to use our logic to analyze how powerful can the creator of the world be. Indeed, God is the powerful creator of all lives, natural energy, and predestinated every life's antecedents which evoke us to think and think again. We help reminding people not to be hesitant to give in to Islam. We have a distinctively eccentric style to help people, sometimes we had to confront with stubborn persons because we were unable to compromise them as some of them were disrespectful toward God's religion and we can't stand that. We also condemn those who distort the image of Islam.
Do not distort the fact.
Here's the fact; the real religion is not radical, as the real religion has peacefulness intention and inviting everyone to submit to the almighty God. We don't coerce, but we have duty to caution those who are at odds with monotheism, as we admonish all people about the possible negative sequel of disbelievers, nonbeliever, atheist, agnostic, or whoever repudiates the existence of God.
Humans aren't powerful, we cannot create planets or adjust solar system. But God can do that as an natural law effect manifested by God to remind human about the real absolute power above nature. God doesn't have a son. Jesus is not a God and not a son of God. There was a false belief of Christianity about that. Simply put, Jesus is a human, but God is not a human.
Christianity trinity is deceiving oneness. And the worst logic of some people is that they anthropomorphize human to God. But in reality, God was never a human, nor appeared in any form of any creature in this world. Nabi Isa a.k.a. Lord Jesus is a human, a creature, just like any other human but he's a very very special human because he's one of the prophets. The great Lord Jesus is a human of God, not a son of God. God doesn't have any son or daughter. Because God is God, not humanoid. Anyway, there were so many distortions of Christian in the past, but that's not a problem because God Allah Subhanahu Wa Ta'ala has sent Islam to be the last real religion which is the complete, faultless one. Islam is the thorough truth for the true way of life for all humans to practice and actualize in the end. Some people might have not known yet that Bible had been altered and interpolated before the final, perfect doctrine of religion was revealed to Prophet Muhammad. That absolute, perfect religion is Islam as Quran always remains unchanged (except delusional Shiite and other contemporary deceptive creeds). There were also perversion in dogmas such as Sufi, Shia, and whatever that's not Sunni. In truth, Islam doesn't have any sect. Ahlus Sunnah Wal Jamaah is the only one real "Mu'min" norm i.e. faithful muslim standpoint.
But hey, don't appeal to stupidity by saying that nothing is known or can be known of the existence or nature of God or of anything over material phenomena. That's a fallacious misbelief of agnostic people.
We expect everyone to be Muslim, real Muslim, no violence, for God's sake and peacefulness of the world.
All statements in Quran is not an assumption, it's all factual information. Not for satisfaction of writers. In reality, if truth be told, there has been ample evidence since the ancient time evincing that God exists infinitely. Seems boundlessly inconceivable to humans, in sooth.
It's not a coincidence for a human soul to be born into this world. Everything is born for a reason. There are lives, there must be the absolute initiator of life, too. We aren't born to serve ourselves, as our lives are owing to God. But why was Arabic language used as an instrument of the true religion? According to intimation of the last scripture, God(Allah) has assigned Arabic language for the last perfect prophet(Prophet Muhammad) to use as a central agency for people to pursue to comprehend without disunity. Back to glory period of Arabian, it corroborates the ascendancy of prehistoric epoch, persisting Islamic guidance, then so-called Arabic numerals in which all modern people have been using nowadays sustained as a result. One of the symbolic lessons. There are many other facets, testaments, or plausible attestation about Islam which were continually solacing and reassuring with rudimentary human rationality.
Al-Qadr is about the fact that all humans are predestined. The word predestination and freewill are not an antonym to each other. We have to understand that human destiny has been disposed by God, but we also have choices of freedom to select the route we walk within the limitation which was fixed by God. Now we need to apprehend and appreciate the predetermined existence that God has preordained and deposited our fate, in which it can be flexible if we pray to God and "make Dua" asking for good things to occur in life. We also have to be morally guiltless to pick the right way out of our fortuity or serendipity, and the foreordained future can be alterable by the grace of God.
God holds the maximization of every possible ability that human doesn't have, such as flying, expanding(Big Bang), form invisiblizing, and so on. In this world, the unforeseeable future display of God is beyond dimensional volume of any substance, pretty much out of human imagination, as we are so limited that it's impossible to hypothesize God's appearance in anthropomorphic terms, crystal clear as that. God is the greatest, while humans are so trammeled. Human ego is a dangerous variable if it's too highly stubborn and pessimistic, as disbelievers and nonbelievers risking the way onto afterlife when thoughts are shutting down, though, soul is alive forevermore. Finite science can't even prove that, but logic can. There were a lot of atheists and agnostics in the past who were resuscitated by paramedics, then they were utterly revived and felt reinvigorated, after that, they converted to Islam. These are actually either near-death experience or even already dead. Thanks to God, the incidents were really happy ending, not fairy tales nor fake acting.
Prophet Muhammad is the last and the most important prophet of the world that he perfectified the true religion, with his students becoming teachers of later generations; following to learn, not following to criticize. Just obey the message from God via Quran communicated through Prophet Muhammad, and the promised land will be your payoff in afterworld.
Only God (Allah) can help improving our fortunes in this world. Every human suffers at some point of life. It's inevitable. Physical and mental pains are all can be rejuvenated by the mercy from God after all. Embrace Islam, before it's too late. Before you meet God, there aren't too many stipulations for the paradise doorway to be opened. But if once the truth arrived in your mind and you denied, the purgatory that is for the disbelievers is agonizing. Quran has all the elucidations. Brilliant scholars have simplified in many publications. It's not so puzzling. Omnipresent abundant evidences of Islam are all around the world, exceedingly universal.
Naturally, nobody is perfect. The fact that everyone cannot resurrect one's own life is a decent benchmark of imperfection.
Human have an ability to imagine within limitation, and cannot foresee future. So we must clearly understand Quran and Hadith before publishing these facts.
Eternal bliss exists, but not in this planet. We just have to submit ourselves to God. That being said, in the first place, we must adhere to God's Quran, and have strong monotheistic faith, so our tokens of good deeds can be recompensed by God and God's mercy can let our souls to be fittingly taken into the heaven hereafter.
Keep in mind, don't be desperate for whatever happening in life. Promptly escape from despair and shut down the pessimistic inclination then immediately reframe yourself a sanguine orientation, for one thing, there's a hope, no matter how hopeless you are. Remember, God always see us afar from beyond the sky.
Interesting questionnaire: is seeing believing? you don't see a Wi-Fi signal wavelength physically but you believe that it's there, right? because you are human and so are we. Even Wi-Fi signal is around us but we can't see, let alone seeing God who's beyond the sky. In this world, there are plenty of limitations inside us all, unequivocally, human isn't capable of seeing God.
Excess ego, misleading cultivation of beliefs, narrow latitude of acceptance, and false trendy brainwashing are all the factors why some people don't convert to Islam even the truth had been spoken in front of them. The dust-up or altercation that involved farcical emotions should also be avoided to prevent logical fallacies when orators were attesting together about religion.
God predestined everybody to have individual freewill which is kinda like testing whether each person is good enough for the promised land (heaven). Barzakh (worlds hindrance, dimensional separation) is between this world and heaven/hell. Before the next world or eternity time, all we have to do in this world is pray and beg Allah for mercy. Eventually, may Allah bless you.
Note: Our original texts in all discourses are considerably a public domain. Everyone can copy from us for educational purposes, but not for sale. We do not accept any donation, though. We are the donator, we don't add a donation tab in our sites. Contact us if you want us to donate for any religious purpose. We can donate to you if you are struggling with your financial scarcity. Just be true to us and we can be friends, for God's sake.
Fair use ©️ Royal Eurasia Andronovo International Sovereign TV w/ its subset www.royalwiki.org nonprofit foundation of Prince Oak Oakleyski and his relatives